Find the best flights deal
 

  27 เมษายน 2567 00:17 Search
amthaipaper นสพ แอมไทย นสพ ไทยในสหราชอาณาจักร ติดต่อเราได้ที่ contact@amthai.co.uk , Line ID: AmthaiUK , Facebook, IG, Twitter: Amthaipaper    

The Business Focus :The Globe Trading

     

The Thai Business focus เป็นอีกคอลัมน์หนึ่งที่ทีมงาน นสพ.แอมไทยตั้งใจนำเสนอมุมมอง เจาะลึกที่มาความเป็นไปของวงการธุรกิจไทยในสหราชอาณาจักร ให้ท่านผู้อ่านได้รู้จัก เพื่อเป็นประโยชน์ให้ท่านที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรรับทราบว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย 

ท่านแรกของต้นปี ค.ศ 2008 ทีมงานนสพ.แอมไทยจึงถือโอกาสนำเสนอเกร็ดชีวิตและความเป็นไปของนักธุรกิจคนสำคัญท่านหนึ่งในสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนักธุรกิจไทย ที่มีส่วนช่วยสร้างปรากฎการณ์อาหารไทยราคาย่อมเยาว์ ในช่วงตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 (ปี 2000 เป็นต้นไป) ก็ว่าได้ 

ข้อเท็จจริงนี้ ถ้าใครที่มีประสบการณ์พำนักอยู่ที่สหราชอาณาจักรมานาน ก็อาจจำได้ว่า สมัยก่อนนั้น การจะซื้อผัก ผลไม้ หรือเครื่องปรุงไทย นั้น แสนจะยากลำบาก แถมราคาแพงแบบไม่กล้าคิด แม้แต่จะเปรียบเทียบกับราคาที่เราเคยซื้อกันในเมืองไทยบ้านเรา หรือแม้ถ้าเคยได้เห็นราคาสินค้าประเภทอาหารไทย เมื่อก่อนแล้ว ทำให้รู้สึกอยากทานอาหารฝรั่งขึ้นมาทันที เพราะเห็นราคาแล้วรู้สึกว่าทานไม่ลง เนื่องจากราคาแต่ละอย่างห่างไกลกับราคาที่ขายในเมืองไทยอย่างมากมาย 

 

คุณมนต์ชัย ครามะคำ กรรมการ ผู้จัดการบริษัท The Globe Trading, UK เป็นหนึ่งในนักธุรกิจสินค้าอาหาร และผลิตภัณฑ์ไทย ท่านหนึ่ง บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการซื้อสินค้า ประเภทอาหารไทยสมัยก่อน 

“เมื่อ 23 ปีที่แล้ว เราเริ่มทำร้านอาหารไทย ร้านของเราที่ Banbury แล้วต้องซื้อของจากผู้นำเข้าในสมัยนั้น ซึ่งต้นทุนของวัตถุดิบนั้นแพงมาก”

คุณมนต์ชัย เล่าให้ทีมงานแอมไทยฟังว่า เมื่อ 23 ปีที่แล้ว แทบไม่มีร้านอาหารไทยนอกลอนดอนเลย และเนื่องจากครอบครัวที่เมืองไทยเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารอยู่แล้ว จึงตัดสินใจเปิดกิจการร้านอาหารไทยที่นี่กับพี่ชายครั้งแรกที่เมือง Banbury ชื่อ ร้าน Thai Orchid

เริ่มต้นร้านแรก คุณมนต์ชัย ทำหน้าที่ทุกอย่างในครัว ตั้งแต่ chef จนถึงผู้ทำความสะอาด ส่วนพี่ชายก็ดูแลและรับแขกหน้าร้าน เนื่องจากเป็นร้านไทยร้านแรกๆ ของภาคกลางในเกาะอังกฤษจึงเจอคำถามเกี่ยวกับอาหารไทยบ่อยๆ

"เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว แกงเขียวหวาน หรือ Thai Green Curry ฝรั่งไม่รู้จักเลย เปิดร้านใหม่ๆ ถูกถามบ่อยมาก ว่าคืออะไร จนหลายครั้งต้องมานั่งอธิบายกันจนเมื้อยปาก"

ฟังแล้วรู้สึกน่าภูมิใจยิ่งนักที่ สมัยนี้ ถามใครที่เป็นฝรั่งที่นี่ ก็รู้จักแกงเขียวหวาน หรือ Thai Green Curry ของบ้านเรากันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแกงแท้หรือเทียม ก็ถือได้ว่า อาหารจานนี้เป็นที่นิยมและขายดิบขายดีกันอย่างมากในปัจจุบัน

ย้อนกลับไปสมัยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน สมัยที่คุณมนต์ชัยเริ่มเปิดร้านครั้งแรก แม้ว่าราคาวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารไทยในสมัยนั้น คุณมนต์ชัยบ่นว่ามันแพงอย่างไร แต่ธุรกิจร้านอาหารที่เปิดได้เพียงเกือบปี ก็สามารถให้ผลกำไรที่มากพอตัว จนกระทั่งมีร้านที่ 2, 3,4 ตามมาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเมื่อช่วงปี 2000 ก็สามารถเปิดขยายตัวจนถึง 10 ร้านแรกได้สำเร็จ

"ตอนหลังเรามีหลายร้าน จึงมีความคิดริเริ่มที่จะสั่งของโดยตรงจากเมืองไทยมาขายเอง  ช่วงแรกทดลองสั่งของไป ปรากฎว่าสั่งเข้ามาแล้วรู้สึกทันทีว่า ผู้นำเข้าสินค้านั้นคิดกำไรเกินควร คือขายสินค้าแพงจนเกินไป เราสั่งเองเข้ามารู้สึกเลยว่า ถูกกว่ากันเกือบครึ่ง"  

     

นับถอยหลังเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี 1999-2000 คุณมนต์ชัยเริ่มสั่งของเข้ามาเอง เพราะมีร้านอาหารในเครือที่ต้องการ รอซื้ออยู่แน่นอน พอสั่งเข้ามาแล้ว จึงทราบว่า ผู้นำเข้าที่มาก่อนทำกำไรมหาศาล ส่วนใหญ่เป็นคนฮ่องกงที่นำเข้า สินค้าไทยในยุคแรกๆ แล้วก็ผูกขาดโรงงานใหญ่ๆ ที่เมืองไทย ซึ่งผู้ซื้อรายอื่นแม้แต่คนไทยด้วยกันเอง ก็ไม่สามารถซื้อจากโรงงานโดยตรงได้ 

"สินค้าหลายสินค้า เราไปซื้อกับเขาถึงโรงงาน ก็ไม่ยอมขาย บอกให้เราไปซื้อกับ Agent เอง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อาหารไทยแพง เพราะว่าต้นทุนแพง
ผู้ที่นำสินค้าเข้ามามีน้อยราย มีการแข่งขันกันน้อย เกิดการผูกขาด ผู้นำเข้าสินค้ารุ่นแรกๆ สามารถบวกกำไรเข้าไปมาก  Importer ก็มีอยู่ไม่กี่หลาย และส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน เป็นเหตุผลว่าทำไม อาหารจีนจึงมีราคาถูก เพราะต้นทุนต่ำ  เขามีผู้นำเข้าสินค้ามากหลาย จึงเกิดการแข่งขันกันสูง โดยขายตัดราคากัน
ของไทยเรา มีผู้นำเข้าน้อย เขาจึงสามารถบวกราคาได้มาก"

และนี่จึงเป็นที่มาของธุรกิจกิจการของ The Globe Trading Ltd. ซึ่งดำเนินกิจการ Thai Cash & Carry ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป บนเนื้อที่กว่า 2,000 ตารางเมตร มี 6 สาขา ทั่วภาคกลางของอังกฤษ สาขาที่ใหญ่ที่สุด เริ่มเปิดเมื่อปลายปี 2007 ที่เมือง Warwick    

     

กิจการ Cash & Carry นั้น เปิดดำเนินการเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นปี 2008 เป็นต้นไป มี Delivery Service ส่งตั้งแต่ London, Oxford, Leeds ไปจนถึง Scotland, Wales 

สินค้าทุกอย่างที่ The Globe Trading ขายก็จะเป็นสินค้าครบวงจร จะทำให้คุณพร้อมที่จะเปิดร้านอาหารได้

สินค้าไทยมีหลายสิบยี่ห้อ แต่หลักๆ ก็มี ภูเขาทอง กะทิชาวเกาะ แม่ประนอม ทิพรส ฯลฯ   นอกจากสินค้าพวกนี้แล้ว ยังนำเข้า เฟอร์นิเจอร์ ตั้งแต่โต๊ะไม้สัก ไม้แกะสลัก ตุ๊กตาตกแต่งร้าน ชุดรับแขก ช้อนส้อม ฯลฯ ทุกสรรพสิ่งที่ร้านอาหารต้องการ หรือถึงแม้ว่าจะไม่มี ก็สามารถให้บริการนำส่งได้ โดยส่งตรงจากเมืองไทย ซึ่งมีเที่ยวบินมาหลายเที่ยวบินประจำทุกสัปดาห์  รวมถึงทางเรือด้วย  
ฉะนั้นถ้าใครต้องการเปิดร้าน ก็สามารถติดต่อคุณมนต์ชัยท่านเดียวได้ครบ  เพราะถือว่าขายสินค้าไทยหลักๆ (Thai Specialist) ทั้งหมด

     

สวนพืช กว่า200 ไร่ ที่ราชบุรี

แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าสินค้าสดและแห้งของประเทศไทยรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเหมือนละครตอนจบที่สันติสุขทุกอย่างจะลงเอยกันอย่างเนืองนิจ  กว่าจะมาถึงปัจจุบัน ธุรกิจ ก็มักจะเจอกับอุปสรรคต่างๆ ซึ่งมีเข้ามาเป็นเรื่องปกติ 

"แต่ก่อนก็มีสินค้านำเข้าของเราที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตราฐาน ก็จะถูกนำไปเผาบ้าง นำไปทิ้งบ้าง เป็นสิบๆ ครั้ง มีบ่อยจนผมก็พยายามแก้ปัญหา วันหนึ่งมันก็ดีเอง กว่าจะถึงวันนี้มันก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคพอสมควร ต้องล้มลุก ต้องสู้กับมัน"

นี่เป็นที่มาของการเป็นเจ้าของสวนไร่พื้นที่กว่า 200 ไร่ ในจังหวัดราชบุรี  เนื่องจากเคยเจอประสบการณ์ ไม่ผ่านเกณฑ์การนำเข้าจาก สินค้าที่สั่งซื้อจากเมืองไทยหลายครั้ง โดยเฉพาะจำพวกผักผลไม้ เคยถูกทำลายทิ้งหลายครั้งที่ Custom

ปัญหาในการนำเข้าผัก ผลไม้ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากที่สุด

ตัวอย่างเช่น ใบมะกรูด เป็นพืชยอดนิยม ที่ทางอังกฤษห้ามนำเข้าสดๆ นอกจากเป็น แช่แข็งมา เนื่องจากทางการที่นี่จะเกรงว่าในสินค้าจะมีตัวเพลี้ยเล็กๆที่ติดในใบเข้ามา ซึ่งการจะปราบตัวเพลี้ยนี้ ก็ทำไปได้ยากมาก ต้องใช้สารเคมีที่แรง

"เพลี้ยไฟเนี่ย ฆ่ายากมาก ฉะนั้นประเทศที่ปลูกส้มในยุโรป เช่นสเปน หรือทางแถบยุโรปประเทศร้อน บางประเทศเช่นอิตาลี ที่ปลูกส้มขาย เขาพยายามกีดกัน ไม่ให้พืชที่คล้ายๆ กับส้ม เข้ามาอียู ฉะนั้นประเทศที่เป็นสมาชิกหลักของสหภาพยุโรปจึงต้องกีดกันการเข้านำใบมะกรูดของไทย เพราะอาจจะนำตัวเพลี้ยนี้มาแพร่ในยุโรป"    

พวกใบผักต่างๆ หรือ ผลไม้ ที่เราบริโภคอยู่นั้น เช่น ผักบุ้ง โหระพา กะเพรา ตามมาตราฐานของสหภาพยุโรปแล้ว จะต้องมีสารเคมีที่ค่อนข้างปลอดภัย สารเคมีบางตัวอาจจะเป็นอันตรายมาก ทางยุโรปจึงออกกฎจำกัดปริมาณและชนิดของสารเคมีบางตัว ในสินค้าที่จะนำเข้ามาขาย หรือ หลังจากฉีดแล้ว ก็จะกำหนดระยะเวลาทิ้งห่างช่วงก่อนเก็บเกี่ยวอย่างน้อย 5 สัปดาห์    

"แล้วมีชาวไร่ชาวนาไทย บางราย ไม่ค่อยเชื่อ ใช้ยาแรงๆ ฉีด ฉีดแล้ว 2 อาทิตย์เข้าไปตัด ถึงแม้ไปล้างน้ำ พอโดนตรวจเข้าจริงๆ สารเคมีก็ได้เข้าไปอยู่ในเซลล์ของใบ ล้างก็ไม่ออก สารเคมีมันก็ยังตกค้างอยู่ จึงเป็นสินค้าที่เราค่อนข้างจะมีปัญหา คือพอโดนตรวจขึ้นมา เจอแล้วก็ถูก reject สินค้าจึงถูกนำไปทำลาย"

จึงเกิดความคิดริเริ่มโครงสวนปลูกผักผลไม้กว่า 200 ไร่ ที่ จังหวัดราชบุรี

"เราจะต้องเข้ามาคุมในเรื่องสารเคมี จะต้องใช้วิธีการฆ่าแมลง ซึ่งทำได้อยู่หลายวิธี เช่น สมุนไพรฆ่า  ใช้ระบบนิเวศน์มาทำลายตัวเอง เช่น เลี้ยงปลาในน้ำเป็นล้านๆ ตัว เพราะมันจะกินลูกไร ลูกน้ำ มีเท่าไหร่ปลาผมกินหมด หนอนปลาผมก็กิน แล้วแถมยังได้ปลามาขายอีก มีการใช้ไฟดักแมลง ใช้คลื่นดักแมลง กระแสคลื่นไล่แมลง ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย คิดว่าภายใน 1-2 ปีนี้ จะนำของจากสวนของเรามาขาย เกือบทั้งหมดที่เป็นของสด ที่ได้มาตราฐานที่เราผลิต"  

     

ฝ่าฟันกับมาตราฐานอียู

พูดถึงปัญหามาตราฐานของอียู ดูเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องใหม่เลยที่เคยได้ยินว่าสินค้าไทยนั้นโดนหมายหัวไว้ ไม่ให้นำเข้า หรือมิฉะนั้น ก็จะถูกตั้งกำแพงภาษีสูงๆ กว่าประเทศอื่นๆ อย่างเช่นสินค้าประเภทกุ้งไทย ก็จัดเป็นสินค้าต้องห้ามเมื่อหลายปีก่อน  สอบถามคุณมนต์ชัย จึงได้ความว่า  ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเดิมๆ คือเรื่องยาฆ่าแมลง ที่ฝรั่งเขารับไม่ได้ เนื่องจากมีสารเคมีมากเกินไป

"คือในบ่อกุ้งเก่าๆ ที่ชาวนากุ้งเพาะเลี้ยงมาหลายปี ในบ่อจะสะสมเชื้อโรคได้มาก แล้วชาวนากุ้งเขาจะใส่ยาฆ่าเชื้อโรคมากขึ้น คือยาปฏิชีวนะ คล้ายๆ กับคลอแรม แล้วมันก็สะสมอยู่ในตัวกุ้ง แล้วคนกินเข้าไป มันก็อยู่ในตัวคน คือพอเขาเห็นสารตกค้างเยอะ เขาเลย ban กุ้งไทย ไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็เพิ่มกำแพงภาษี เป็นประมาณ 20%
ในขณะเดียวกันประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม อินเดีย ปากีสถาน แล้วอีกหลายประเทศทีเดียว เขาก็ได้ GSP ซึ่งได้สิทธิ์อยู่ 4% กว่าๆ เพราะเขาถือว่าเป็นประเทศยากจน เขาถือว่าประเทศไทยรวยนะ จึงไม่ต้องไปช่วยเหลือ กุ้งไทยแม้ว่าคุณภาพดี ก็ยังเข้ามาไม่ได้ เพราะถูกเก็บภาษี 20 กว่าเปอร์เซ็นต์   

จนเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ที่ประเทศเราเกิด Tsunami  เขาก็ช่วยเหลือประเทศไทย ฟาร์มกุ้งต่างๆ ของภาคใต้ เสียหายหมด ก็ยินดีลดภาษีลงมาให้เหลือ 4 เปอร์เซ็นต์กว่า เหมือนประเทศอื่นๆ กุ้งไทยจึงเข้ามาขายได้ดีขึ้น"  

จากตัวอย่างข้างต้น ทำให้พอที่จะมีวิจารณญานว่า สินค้าที่จะนำเข้ามาสหราชอาณาจักรได้ จะต้องผ่านเกณฑ์ที่เข้มระดับสูง การปลูกสินค้าพืชผัก ผลไม้ เพื่อนำเข้ามาขายเองของ The Globe จึงเป็นวิธีครบวงจรมากที่สุด

"ตอนนี้กำลังทำผลิตส่งขายในประเทศก่อน และหลังจากนั้นเราจึงส่งออกนอกได้ ปลูกมา 3 ปีแล้ว มะพร้าวที่ส่งมาที่นี่บางส่วนมาจากไร่เรา แต่ผลผลิตมันไม่เพียงพอ คือเราขายเยอะมากจนไม่พอ"
     

หลักการขยายกิจการให้อยู่ในสองประเทศของ The Globe Trading คือปลูกเอง ตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้เป็นไปเป้าหมายสำคัญๆ คือ
1. สินค้าจะได้คุณภาพตามมาตราฐานของตลาดของอียู
2. ราคาถูกลง ซึ่งโดยปกติ  พ่อค้าชาวสวนที่เมืองไทยจะมีปัญหาเรื่องการหาตลาด จึงต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง แต่ The Globe เองก็เป็นตลาด/ผู้ซื้ออยู่แล้ว จุดนี้จึงได้เปรียบกว่าผู้อื่น และสามารถทำได้ครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิต จนถึงมือผู้บริโภคในต่างประเทศ

     

ทำให้ นอังกฤษ 1% ของระชากรทั้งหมดทานอาหารไทยทุกวัน

The Globe เปิดกิจการ Thai Cash & Carry เพื่อจุดมุ่งหมายที่อยากจะทำให้คนอังกฤษ 1% หรือ ประมาณประมาณ 600,000 คน ทานอาหารไทยเป็นประจำ ให้ได้ "เราต้องเจาะเข้าไปในทุกทาง เช่นใน Mainstream Supermarket อย่าง Tesco, Sainsbury ต้องเข้าไปให้ได้ เอาสินค้าไทยเข้าไปขาย และเปิดซุปเปอร์มาเก็ตไทยหรือ Oriental Supermarketให้มีผู้บริโภคให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้"

แผนที่จะสร้างตลาดให้คนอังกฤษ 1% มาทานอาหารไทยทุกวันนั้น เป็นเรื่องที่น่าทึ่งและภูมิใจ เมื่อคนไทยด้วยกันได้รู้เป้าหมายนี้ แต่ทางทีมงานก็สงสัยว่า เอ แล้วจะต้องเริ่มจากตรงไหนดี...

พอนึกขึ้นมาได้ว่า วันก่อนได้มีโอกาสทราบว่า เมื่อปีที่แล้ว มีสถิติที่คนจากสหราชอาณาจักรไปเที่ยวเมืองไทย เป็นจำนวนกว่า 8 แสนคน แล้ว 50% จาก 8 แสนนั้น ไม่ได้ไปเป็นครั้งแรก แถมทาง ททท. ยังคาดการณ์ว่า ปีนี้ จะมียอดนักท่องเที่ยวจากยูเคเพิ่มเป็น 1 ล้านคน ลองคิดดูว่าคนยูเคที่กลับมาจากเมืองไทยแล้ว อย่างน้อยเขาต้องทานอาหารไทยหลายมื้อที่เมืองไทยมาแล้ว คนพวกนี้พอกลับมา ก็อยากจะทานอาหารไทยอีก ดังนั้นคงมีหลาย เปอร์เซนต์ทีเดียว ที่เริ่มคิดอยากจะลองทำกินเองที่บ้าน คุณมนต์ชัยให้ความเห็นว่าเดี๋ยวนี้ฝรั่งไปเรียนทำอาหารไทยเยอะมาก

"ผมเพิ่งไปภูเก็ตมาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เขาจะมีคอร์สทำอาหารไทย แล้วมีแต่ฝรั่งที่ไปเรียน โรงแรมก็จัดให้เรียนฟรี ส่วนใหญ่เป็นแม่บ้าน หรือผู้ชาย ก็ยังมีเข้าไปเรียน" ฉะนั้นคาดได้ว่า เมื่อฝรั่งที่เคยได้เรียนการทำอาหารไทยมาครั้งหนึ่งแล้ว กลับมาที่อังกฤษก็อยากจะโชว์ฝีมือให้ครอบครัว หรือ เพื่อนฝูงได้ทานกันบ้าง แต่ถ้าบางครั้งถ้าเขาหาซื้อ ingredient ไม่ได้ เขาอาจจะลืม หรือ ภายในปีสองปี เขาก็จะลืมแล้ว ฉะนั้นจะทำให้เราเสียส่วนนี้ไป 

ดังนั้นการเพิ่มจำนวนและขนาดของร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าไทยให้แพร่กระจายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงเป็นข้อคิดที่น่าสนใจ ให้การสนับสนุนให้คนที่นี่เข้าถึงได้สะดวกจนติดอยู่ในนิสัยรับประทานของเขา "คือป้อนสินค้าดีๆ เข้าไปขาย สินค้าดีราคาถูก (เพื่อให้เกิด Demand) แล้วเดี๋ยวคนก็เข้ามาซื้อเอง แล้วคนก็จะหัดทำกินเอง อย่างเราคนไทยยังทำอาหารฝรั่งทานเองที่บ้านเลย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำให้คนอังกฤษ 1 % ทานอาหารไทยทุกวัน แต่เป็นไปได้ แต่ก่อนนี้มัน 0% เลย คือ 0.00%เลยดีกว่า

ถ้าเผื่อเขาสามารถหาซื้อ ingredient ได้ง่ายขึ้น เขาก็จะติดหัดทำ อาจจะเริ่มจากทำอย่างที่หนึ่ง อย่างที่สอง แล้วก็เพิ่มไปเรื่อยๆ เป็นสาเหตุอยากจะทำให้คนอังกฤษ หาซื้อ ingredient ไทยได้ง่ายขึ้น และถูกลง ซึ่งจะเป็นจุดที่สำคัญมาก ถ้าเราสามารถทำได้ ผลผลิตจะมาจากเมืองไทยมากกว่าวันนี้"  

     

ในแผนงานของนักธุรกิจคนหนึ่งที่ต้องการให้อาหารไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สำหรับคนในสหราชอาณาจักร  แม้จะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่เมื่อมองกลับมาดูคุณสมบัติที่เรามีอยู่แล้ว อาหารไทยคืออาหารที่มีคุณภาพ มีวิธีการทำที่ละเอียดอ่อน เป็นวัฒนธรรม อย่างหนึ่ง  อาหารจานต่างๆ ไม่มีไขมันมาก มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีความสมดุลย์ มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง และมีความแตกต่างกันสูงในอาหารไทยแต่ละจาน เช่น เปรี้ยว หวาน เผ็ด มัน มีหลายรสชาด

คุณมนต์ชัยกล่าวทิ้งท้ายในเรื่องนี้ว่า  "อาหารเป็นหน้าตาของประเทศ ประเทศไทยมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะอาหารไทย ถ้าเราสามารถคุมมาตราฐานให้อยู่ มันจะไปได้อีกเยอะ ถ้าไม่ทำพังซะก่อน เช่นลักไก่ นำสินค้าด้อยคุณภาพมาขาย หรือสินค้าที่ไม่ถูกต้องมาใช้ มาดัดแปลงมากเกินไป เช่น ข้าว ก็นำข้าวประเทศอื่นมาใช้ อาจจะไม่หอมไม่นุ่มนวลเหมือนข้าวไทย ที่สำคัญต้อง Authentic ต้นตำรับ"

     

ข้าวหอมมะลิไทยแท้

มาถึงตรงนี้ ยังมีประเด็นที่ทางทีมงานแอมไทย สอบถามถึงความรู้เรื่องข้าวเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างพื้นที่ในการปลูกต่างๆ ว่าเป็นมาอย่างไรในวิธีการคัดสรร และมีผลต่อรสชาด และรสนิยมของผู้ทานอย่างไร

สรุปก็คือได้ใจความว่าข้าวหอมมะลิที่มาจากทางอีสาน 5-6 จังหวัด จะถูกยอมรับว่าเป็นข้าวหอมมะลิแท้  แต่จะมีข้าวหอมมะลิมาจากจังหวัดอื่นด้วยเหมือนกัน เช่น จ. ปทุมธานี  แต่ข้าวที่ดีที่สุดจะมาจากแถวอีสาน เพราะฝนตกน้อย ทำให้มีน้ำกักขังอยู่น้อย  ลักษณะการเจริญเติบโตของพันธุ์ข้าว จะเติบโตได้ดีในสถานที่ที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย  มีความแห้งแล้ง ฉะนั้นข้าวหอมมะลิที่ดีต้องมาจากอีสาน 

ส่วนที่ปลูกในปทุมธานี ถึงแม้ใช้พันธุ์ข้าวพันธุ์เดียวกันกับที่ปลูกในอีสาน ข้าวที่ออกมาก็จะแตกต่างกัน

“คนถามผมมาผมบอกไม่เหมือนกัน  ถ้าคุณเอามาผสมกัน คุณจะกินรู้เลย  มันจะสุกที่อุณหภูมิไม่เท่ากัน คือใช้เวลาไม่เท่ากัน เช่นว่า ข้าวยี่ห้อพันธุ์นี้ จะสุกที่ 23 นาที  อีกอันหนึ่งจะสุกที่ 18 นาที ฉะนั้นถ้านำข้าวต่างพันธุ์มาผสม เวลาหุงแล้วทาน ก็จะรู้สึกว่า บางครั้งข้าวบางส่วนจะสุกไม่เท่ากัน ฉะนั้น ถ้าใครแอบเอาข้าวมาผสมกัน ก็จะสามารถทราบได้”

ข้าวใหม่จะนิ่ม ข้าวเก่าจะแข็ง
อย่างไรก็ตามข้าวหอมมะลิพันธุ์เดียวกันที่เป็นทั้งข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ที่ปลูกจากพื้นที่เดียวกัน ถ้านำมาผสมกัน จะใช้เวลาหุงให้สุกในเวลาที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน  แต่จะผิดกันตรงที่ว่า แข็งมากหรือแข็งน้อย 
ถ้าข้าวใหม่ถูกนำผสมเข้าไปมาก ข้าวที่หุงสุกออกมาก็จะนิ่มและหอมกว่าข้าวเก่าซึ่งจะหุงสุกออกมาแข็งแล้วก็จะหอมน้อยกว่าข้าวใหม่

ที่มาของข้าวเก่าและข้าวใหม่
ข้าวเก่าคือข้าวที่เขาเก็บมาเป็นข้าวเปลือก แล้วปล่อยไว้ในโรงสี ที่มีอากาศหมุนเวียน โดยไม่อับ เป็นเวลา 3 -6 เดือน จนได้ความชื้นถึงจุดหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นข้าวเก่า แต่ไม่ได้นำเข้าโรงสีเพื่อสีข้าวออกมาเลย ซึ่งอย่างหลังนี้จะเป็นข้าวใหม่

ถึงแม้ว่าข้าวใหม่หุงออกมาแล้วอาจจะแฉะกว่า แต่รสนิยมของคนบางคนก็อาจจะไม่ชอบข้าวแฉะเลยทีเดียว บางคนอาจจะชอบข้าวแบบนุ่มๆ ที่ไม่แฉะจนเกินไป ฉะนั้น ผู้จำหน่ายสินค้าประเภทข้าว จึงต้องนำข้าวเก่ามาผสมบ้าง แต่อาจจะมีสัดส่วนที่ไม่มากนัก

“ แต่จริงๆ แล้ว ผมเห็นว่าแล้วแต่รสนิยมของคนทาน ว่าจะชอบข้าวแบบไหน นุ่มหรือแข็ง  ข้าวที่ Globe ขาย มีอยู่ 5 ชนิด ส่วนใหญ่มาจากโรงสีข้าวที่จังหวัดศรีสะเกษ  ทั้ง 5 ชนิด เป็นข้าวหอมมะลิ เหมือนกัน แต่เกรดจะไม่เหมือนกัน หรือสไตล์แล้วแต่คนชอบ หอมมากหอมน้อย แข็งหรือ นิ่ม  ข้าวสูตรของเรา 30 (ข้าวใหม่):70 (ข้าวเก่า) จะดีที่สุด ที่เราขายดีที่สุด เดือนหนึ่งขายได้ประมาณสี่ตู้คอนเทนเนอร์ รวมข้าวทุกเกรดของเราทั้งหมดขายได้เกือบสิบตู้ ต่อเดือน  ตู้หนึ่งประมาณ 25 ตัน หรือ 2500 กก. สูตร 30:70 นี่จะเป็นข้าวยี่ห้อคุณชาย คือหุงออกมาแล้ว มันจะแข็งๆ หน่อยครับ” 

ถ้าใครต้องการอยากซื้อข้าว หรือผลิตภัณฑ์สินค้าไทยนานา ชนิด ก็แวะมาได้ที่ Cash & Carry แห่งนี้  

โดยร้านจะอยุ่ M40 ที่ Junction 15 เลี้ยวเข้า จะตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกับ รพ. Warwick  ถ้ามี Sat Nav หรือ Tom Tom ให้ใส่ Postcode ที่ CV34 5AG   ที่นี่มีที่จอดรถค่อนข้างกว้างขวาง  ส่วนคนใน Warwick สามารถเดินมาได้ ซึ่งเราห่างจาก City Center มาแค่ 5 นาที  เพราะเป็น Industrial Estate ที่อยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุด


คุณมนต์ชัยกับข้าวหอมมะลิแท้จาก
The Globe Brand
     
 

เคล็ดลับในการทำงานที่ดี 

เหลือบไปเห็นม้าแกะสลักโชว์ในห้องทำงานคุณมนต์ชัย จึงสอบถามถึงความหมายแฝงของรูปปั้นม้าตัวนี้จึงสืบได้ความมาว่า

ม้ามันจะเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นผู้นำ แต่ผู้นำก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนที่อยู่ข้างหน้าสุด คือเขาต้องห่วงทั้งหน้า ห่วงทั้งหลัง ผู้นำที่แท้จริง คือต้องห่วงหน้าห่วงหลัง ต้องรักลูกน้อง ต้องดูแลลูกน้อง และต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่ บางครั้งต้องอยู่ข้างหลัง เพราะถ้าเราอยู่แต่ข้างหน้า อาจจะดูแลไม่ถึง  

ส่วนเคล็ดลับในการทำการค้าให้ประสบความสำเร็จนั้น คุณมนต์ชัยมีหลักการและยกตัวอย่างคร่าวๆ ให้ฟังว่า
"ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า หาสิ่งดีๆ มาให้ลูกค้า ที่สำคัญคือพยายามลดต้นทุนให้ลูกค้า เช่นยกตัวอย่างเรื่อง มะพร้าว  เขาเคยซื้อมาในราคาลูกละ 3 ปอนด์ เดี๋ยวนี้เขาสามารถซื้อได้ลูกละไม่ถึงปอนด์ หรือว่าจะเป็น เรื่องข้าวก็เหมือนกัน เขาเคยซื้อถุงละ 27-28 ปอนด์ แต่เดี๋ยวนี้ 20 ปอนด์ กะทิเมื่อก่อนเคยซื้อ 15 ปอนด์ เดี๋ยวนี้ซื้อ 10 ปอนด์  คือจะพยายามทำสินค้าทุกตัวที่ขายในท้องตลาด ให้ราคาลดลงกว่าที่เป็น"  

     

ฝากอะไรถึงแฟน นสพ.แอมไทย 
"อยากให้ทุกคน ช่วยสนับสนุนคนไทยด้วยกัน ให้คนไทยมีหน้ามีตา มีกิจการใหญ่โตเหมือนคนชาติอื่นเขา ซึ่งไปบางแห่งก็จะมีตึกรามใหญ่โตเป็นเอกลักษณ์ของเขาเอง เช่นเป็นทรงจีน เก๋งจีน เราก็อยากจะเห็น บริษัทคนไทย คนใดคนหนึ่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องของผม ว่าไปถึงก็มีอาคารทรงไทย อะไรลักษณะแบบนี้ ถึงมีความภาคภูมิใจ ให้รู้สึกว่า เนี่ยเรามีร้านไทยขาย มีร้านอาหาร มีร้านทำผม เป็นต้น ผมอยากจะให้สิ่งแบบนี้มันเกิดขึ้น จะได้เป็นที่ภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ คือทำให้คนไทยในอังกฤษรู้สึกว่า อย่างน้อยมีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ผมก็อยากให้มันเกิด ถ้าคนไทยเราช่วยกันสนับสนุน ช่วยกันซื้อของไทยไปใช้ ซื้อกับคนไทยนะครับ ไทยทำไทยใช้ไทยซื้อไทยเจริญ  

     
     
     

 amthai   Columnists  |  Contents  |  Feedback  |  Memberships  |  About Us  |  Contact Us

Search